ทำไมครูต้องทำวิจัยในชั้นเรียน
ผู้เขียนขณะเขียนดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการสถานศึกษาโรงเรียนมัธยมศึกษา
เป็นแห่งที่ 3 ได้ศึกษาวิเคราะห์
มองสถานศึกษา (School Swot Anslysis)
พบเห็นจุดอ่อนและอุปสรรคของการพัฒนาการเรียนรู้สู่คุณภาพตามมาตรฐานการศึกษาของ
สพฐ. สมศ. และหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน
คือ ครูทำวิจัยในชั้นเรียนไม่เป็น
มักเกิดคำถามเสมอว่า “ทำไม” หรือ “จำเป็นเพียงใด”ที่ครูต้องทำวิจัยในชั้นเรียน จึงเกิดแรงดลใจที่ให้ต้องเขียนบทความทางวิชาการเรื่องนี้ขึ้น
จากประเด็นข้อสงสัยที่ว่า “ทำไมครูต้องทำวิจัยในชั้นเรียน”
ผู้เขียนได้ศึกษาค้นคว้าข้อมูล
ที่เกี่ยวข้อง
เพื่อตอบข้อสงสัยดังกล่าวแก่ครูและบุคลากรทางการศึกษาในสังกัดโรงเรียน ดังต่อไปนี้
สาเหตุที่ครูต้องทำวิจัยในชั้นเรียน มีดังนี้
1.
เพราะการวิจัยเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยให้การปฏิรูปการศึกษา
โดยเฉพาะการจัด
การเรียนรู้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี
2. เพราะการปฏิรูปการเรียนรู้ด้วยกระบวนการวิจัย
เป็นแนวทางหนึ่งที่ครูผู้สอนและผู้บริหาร
สามารถนำไปปฏิรูปการเรียนรู้ในสถานศึกษาได้เป็นอย่างดี
3. เพราะ พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542
แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2545 ได้
ให้ความสำคัญกับการวิจัยและได้กำหนดไว้หลายมาตราที่ชี้ให้เห็นว่าการวิจัย
เป็นกระบวนการที่ควบคู่ไปกับกระบวนการเรียนรู้และกระบวนการทำงานของผู้ที่
เกี่ยวข้องกับการศึกษา
ซึ่งเป็นกลไกที่จะนำไปสู่สังคมแห่งภูมิปัญญาและสังคมแห่งการเรียนรู้
4. เพราะ มาตรา 24 (5) แห่ง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542
แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2545
ระบุให้ใช้การวิจัยเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเรียนรู้ ผู้เรียนสามารถใช้การวิจัยเพื่อศึกษาเรื่องที่น่าสนใจและต้องการหาความรู้ใหม่หรือต้องการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น การวิจัยจึงสัมพันธ์กับกระบวนการเรียนรู้ ซึ่งจะช่วยเหลือการฝึกในเรื่องต่อไปนี้
1)
ฝึกกระบวนการคิด
2)
ฝึกกระบวนการจัดการ
3)
ฝึกการหาเหตุผลในการตอบปัญหาหรือแก้ปัญหา
4) ฝึกให้รู้จักประยุกต์ความรู้มาใช้เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาต่าง
ๆ
5. เพราะ มาตรา 30 แห่ง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ
พ.ศ. 2542 แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2545
ระบุให้ผู้สอนทำการวิจัย
เพื่อพัฒนาการเรียนรู้ให้เหมาะสมกับผู้เรียน ครูผู้สอนนอกจากจะจัดกระบวนการเรียนรู้แล้ว
ยังสามารถใช้การวิจัยเพื่อศึกษาปัญหาหรือสิ่งที่ต้องการรู้คำตอบ
เพื่อพัฒนาสิ่งที่ต้องการจะพัฒนาหรือแก้ปัญหาและศึกษาหรือพัฒนาสิ่งที่เป็นปัญหา
หรือ ต้องการพัฒนาควบคู่กันไปอย่างต่อเนื่อง
โดยบูรณาการกระบวนการจัดการเรียนรู้
และการวิจัยให้เป็นกระบวนการเดียวกัน
สามารถมองเห็นปัญหา ระบุหรือรู้ปัญหาได้
รู้จักการวางแผนการวิจัยการเก็บข้อมูล
และวิเคราะห์ข้อมูลอย่างเป็นระบบ
มีหลักฐานการได้มาซึ่งข้อค้นพบและมีเหตุผลอธิบายถึงข้อค้นพบได้
6. เพราะ
มาตรา 48 แห่ง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2545 ระบุ
ให้สถานศึกษาจัดให้มีระบบการประกันคุณภาพในสถานศึกษาและให้ถือว่าการประกัน
คุณภาพภายในเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการบริหารการศึกษาที่ต้องดำเนินการอย่าง
ต่อเนื่อง ผู้บริหารจึงต้องวิจัยเชิงประเมินเกี่ยวกับสถานศึกษา เพื่อให้ผลการวิจัยนั้นไปประกอบการตัดสินใจ จัดทำนโยบายและในการพัฒนา
ในขณะเดียวกันผู้บริหารสามารถใช้การวิจัยเพื่อเป็นการสร้างองค์ความรู้และพัฒนาตนเองให้เป็นผู้นำในการสร้างภูมิปัญญาและการเรียนรู้ได้
7.
เพราะการวิจัยเป็นกระบวนการค้นหาความรู้และแนวทางปฏิบัติที่นำไปสู่การปฏิรูปการเรียนรู้ที่เชื่อถือได้
สามารถนำผลการค้นพบมาแก้ไขการเรียนรู้หรือตัดสินใจพัฒนาการจัดการเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
8. เพราะแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาการศึกษา ศาสนา
ศิลปะและวัฒนธรรม (พ.ศ. 2545-2549)
ได้เน้นย้ำ มุ่งให้สังคมไทยเป็นสังคมแห่งภูมิปัญญาและการเรียนรู้ที่สร้างโอกาสให้คนไทย
ทุกคน คิดเป็น ทำเป็น
มีเหตุผล
สามารถเรียนรู้ได้ตลอดชีวิต รู้จักใช้ข้อมูลอย่างหลากหลาย เพื่อสร้างสรรค์ความรู้และพัฒนาตนเอง
ซึ่งจะให้เกิดคุณลักษณะดังกล่าวได้ ต้อง
ฝึกให้รู้จักใช้กระบวนการเรียนรู้ที่เชื่อถือได้และกระบวนการที่สร้างความ รู้ได้อย่างเป็นระบบ
มีระเบียบ ก็คือการวิจัย
ดังนั้นการวิจัยจึงเป็นแนวทางดำเนินการหนึ่งที่จะนำไปสู่การสร้างสังคมแห่ง
ภูมิปัญญาและสังคมแห่งการเรียนรู้
9. เพราะเกณฑ์คุณภาพมาตรฐานที่ 9 ของ
สมศ. ระบุให้ครูมีความสามารถในการจัดการเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพและเน้นผู้
เรียนเป็นสำคัญ โดยมีตัวบ่งชี้ที่ 7
ให้ครูมีการวิจัยเพื่อพัฒนาสื่อและการเรียนรู้ของผู้เรียนและนำผลที่ได้ไป
ใช้พัฒนาผู้เรียน
10. เพราะ ผลงานวิจัยที่ครูทำไว้ ซึ่ง
ถ้าเป็นผลงานวิจัยที่ได้รับการพิมพ์เผยแพร่มาแล้วและผลงานดังกล่าวสามารถนำ
ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาการจัดการศึกษาและการพัฒนาคุณภาพการศึกษา
อันเป็นผลงานทางวิชาการประเภทที่ 2
ที่สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) กำหนดไว้ให้ใช้เสนอเพื่อขอมีหรือขอเลื่อนวิทยฐานะที่สูงขึ้นตามลำดับ อันเป็นประโยชน์ต่อความเจริญก้าวหน้าทางวิชาการของครู
11. เพราะ ผลงานวิจัย หมาย ถึง
ผลงานการศึกษาค้นคว้าอย่างมีระบบและมีความมุ่งหมายที่ชัดเจนแน่นอน
เพื่อให้ได้มาซึ่งทฤษฎี หลักการ ปัญหา วิธีการแก้ปัญหา การรับรองหลักการ
หรือการพิสูจน์ทฤษฎี
ซึ่งจะนำไปสู่ความก้าวหน้าทางวิชาการ สามารถนำผลงานวิจัยไปพัฒนาหลักการหรือทฤษฏีให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
หรือสามารถนำไปประยุกต์ใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อการศึกษา โดยอาจเป็นการวิจัยในเชิงทดลอง เชิงสำรวจ
หรือการวิจัยเชิงปฏิบัติการก็ได้
โดยมีลักษณะเป็นเอกสารที่มีรูปแบบของการวิจัยตามหลักวิชา
จากสาเหตุ
ทั้ง 11
ประการ ดังกล่าวข้างต้น
จะเห็นว่า ครู เป็นหัวใจสำคัญยิ่งต่อ
การปฏิรูปการเรียนรู้
การพัฒนาครู
จึงเป็นภารกิจที่สำคัญประการหนึ่งของสถานศึกษาที่ต้องเร่งดำเนินการพัฒนา โดยเฉพาะในเรื่อง การวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ของนักเรียน ดัง นั้นทั้งครูผู้บริหารและนักเรียนจึงต้องมีความตระหนักเห็นความสำคัญและเร่ง
พัฒนาตนเองและทั้งคณะให้รู้จัก รู้จริงและรู้แจ้งในเรื่องการวิจัย
เพื่อพัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียนโดยเร็ว
อัน จะนำไปสู่การสร้างมนุษย์แห่งคุณภาพสู่สังคมภูมิปัญญาและสังคมการเรียนรู้ต่อ
ไปและครูจึงต้องไม่ปฏิเสธการทำวิจัยให้เป็นส่วนหนึ่งของการจัดการเรียนรู้
และผู้บริหารใช้กระบวนการวิจัยเป็นกระบวนการหนึ่งสำหรับการบริหารจัดการ
อย่างมืออาชีพที่หลีกเลี่ยงไม่ได้และต้องทำอย่างจริงจัง..
หนังสืออ้างอิง
ศึกษา กระทรวง. เอกสารพัฒนาตนเองชุดการจัดทำข้อมูลสถานศึกษา
การวิจัยเพื่อ
พัฒนาการเรียนรู้ ตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน. กรุงเทพ ฯ : มปพ., 2546
ถวัลย์ มาศจริส. คู่มือการจัดทำผลงานทางวิชาการ.
กรุงเทพ ฯ : สำนักพิมพ์อักษร,2550
เจริญ ยางเสน. แนวทางการจัดทำผลงานวิชาการ. กรุงเทพ ฯ : มปพ., 2545.
สมศ. รายงานการประเมินคุณภาพภายนอก
โรงเรียนพุทโธภาวนาประชาสรรค์ .มปพ. ,
2547
สมศ. พ.ร.บ.
การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542. กรุงเทพ
ฯ : บริษัทพริกหวานกราฟฟิค,2542
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น